Pages

Monday, August 29, 2011

ณ ลานประหาร

ณ ลานประหาร........

นักศึกษาชายชาวอเมริกัน 3 คน เดินทางไปเที่ยวที่แม็กซิโก
ในคืนวันหนึ่งทั้ง 3 คน ดื่มเหล้าในบาร์หนักไปหน่อย
พอตอนเช้า ก็พบว่าทั้ง 3 คน ติดอยู่ในคุกและโดนตัดสินประหารชีวิตไปเรียบร้อย
แต่ทั้ง 3 คนไม่มีใครจำได้ว่าไปทำอะไรมาบ้างเนื่องจากเมาจัด
เลยเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด

พอถึงวันประหารหลังจากที่นักศึกษาคนแรกถูกนำเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไฟฟ้า
เขาก็พูดสั่งเสียออกมาว่า
"ผมเป็นนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยแถบแกรนด์แคนยอน
ผมเชื่อในพลังของพระเจ้าและเชื่อว่าพระเจ้าจะเข้าข้างผู้บริสุทธิ์"
พอสิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ก็สับสวิทช์เก้าอี้ไฟฟ้า ปรากฎว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่เลยเชื่อว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้นักศึกษาคนนี้ตายจึงปล่อยตัวไป

เสร็จแล้วนักศึกษาคนที่ 2 ก็ถูกนำมานั่งเก้าอี้ไฟฟ้า
แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสับสวิทช์ไฟ นักศึกษาคนที่ 2 ก็กล่าวมาว่า
"ผมเป็นนักศึกษากฏหมายอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอริโซน่า
ผมเชื่อว่ากฏหมายอันศักดิสิทธิ์จะเข้าข้างผู้บริสุทธิ์เสมอ"
พูดจบเจ้าหน้าที่ก็สับสวิทช์ทันทีปรากฏว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากฏหมายอันศักดิสิทธิ์ไม่ต้องการให้ชายผู้นี้ตายก็เลยยอมปล่อยตัวไป

หลังจากนั้นพอนักศึกษาคนที่ 3
ถูกนำมานั่งเก้าอี้ไฟฟ้าเขาก็กล่าวว่า
"ผมเป็นนักศึกษาวิศวะไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัย(ขอสงวนสิทธิ์ไม่เอ่ยนามสถาบัน)
และผมจะขอบอกพวกคุณว่าถ้าพวกคุณไม่ต่อสายไฟ 2 เส้นที่ขาดอยู่นั้นเข้าด้วยกัน
ไอ้เก้าอี้ไฟฟ้าตัวนี้ก็จะไม่มีวันใช้การได้"
หลังจากนั้นอีก 5 นาที วิญญานของนักศึกษาคนที่ 3 ก็ไปสู่สุขคติ


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
แต่สุดท้าย...รู้รักษาตัวรอดน่าจะเป็นยอดดีกว่า มั้ง

Saturday, August 27, 2011

ใครๆเขาก็รู้กันทั้งตึก

บุญสนิทเป็นโฟร์แมนบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง เขาแต่งงานกับสายขจรเสมียนสาวในบริษัทเดียวกัน แต่เนื่อง
จากรายได้ของทั้งคู่ไม่ค่อยสูงมากนักประกอบกับบุญสนิทเป็นคนชอบ กินเหล้าและเที่ยวเตร่ เงินทองจึงไม่มี
พอที่จะหาซื้อบ้านอยู่อาศัยได้ อีกประการหนึ่งเนื่องจากไซต์งานก่อสร้างไม่ค่อยเป็นหลักแหล่งด้ วย พวกเขา
ทั้งสองจึงได้เลือกเช่าอพาร์ทเมนท์ที่ใกล้ไซต์งานเพื่ออยู่อาศั ย
คืนวันหนึ่ง บุญสนิทเดินโซซัดโซเซขึ้นมาบนห้อง สายขจรสังเกตเห็นหน้าตาเขามีรอยฟกช้ำดำเขียว
สายขจร : ไปทำอะไรมาถึงหน้าตาบอบช้ำอย่างนี้ ?
บุญสนิท : ชกกับผู้จัดการอพาร์ทเมนท์นะซี
สายขจร : อ้าว แล้วไปชกกับเขาทำไม ?
บุญสนิท : ก็มันขี้คุย
สายขจร : เขาคุยว่าอะไร ?
บุญสนิท : ก็มันคุยว่ามันมีเซ็กส์กับผู้หญิงทุกคนในอพาร์ทเมนท์นี้ ยกเว้นคนเดียว ผมถามมันว่าผู้หญิงคนเดียวที่ว่านั้นเป็นใคร ถามอย่างไรมันก็ไม่ยอมบอกแล้วมันยังทำท่าทีกวนโอ๊ยเสียด้วย ผมทนไม่ได้ก็เลยชกมันเข้าให้ มันชกผมคืนบ้างก็พอดีมีคนมาห้าม
สายขจร : โธ่เอ๊ย... เรื่องแค่นี้เองหรอกหรือ ? ไม่น่าต้องชกกันเลย ใครๆเขาก็รู้กันทั้งตึกแหละว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นยายสมศรีปากจัดที่อยู่ ชั้นสามแน่เลย

Friday, August 26, 2011

ห้ามรบกวน

ห้ามรบกวน
       คณะทัวร์กลุ่มหนึ่งนั่งรอ หนุ่มบ้านนอกเพื่อนร่วมคณะที่จนแล้วจนรอดก็ไม่โผล่มาสักที ทั้งๆที่เลยเวลา

 นัดมา 30 นาทีแล้ว ด้วยความสงสัย ไกด์สาวจึงโทร.ถามขึ้นไปตามที่ห้องพัก...

" คุณจะไปหรือเปล่า เรานั่งรอกันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ "

ไกด์สาวกรอกเสียงไปอย่างฉุนๆ

" โอย..ดีใจจังเลยที่คุณโทร.มา ช่วยผมหน่อยเหอะ ผมออกจากห้องไม่ได้ "

หนุ่มบ้านนอกวิงวอน

" เกิดอะไรขึ้นคะ " ไกด์สาวตกใจ

" ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในห้องนี้มีประตูอยู่ 3 บาน

บานหนึ่งเป็นประตูห้องน้ำ

บานหนึ่งเป็นประตูตู้เสื้อผ้า

ส่วนอีกบานผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร

แต่ผมไม่กล้าเปิด เพราะมีป้ายแขวนไว้ว่า

...ห้ามรบกวน "

Thursday, August 25, 2011

โดนหลอกแล้ว

พลตำรวจนายหนึ่งพยายามหยุดรถ
ซึ่งทะยานมาด้วยความเร็วสูงบวกกับความเมาของคนขับ
เมื่อหยุดรถได้ก็ยิงคำถามไปยังคนขับทันที
"คุณขับรถเร็วเกินความเร็วที่กำหนด
ขอให้แสดงใบขับขี่ด้วย"
คนขับที่เมามาเต็มคราบก็สวนไปว่า
"ใบขับขี่ไม่มีมีแต่ปืนอยู่ในกล่องนั่นล่ะ"
ตำรวจนายนั้นอึ้งไปพักหนึ่ง "คุณมีปืนหรือ"
คนขับตอบว่า"ใช่และเพิ่งจะยิงคนตายไปหนึ่ง
ศพอยู่ในกระโปรงด้านหลังนั่นแหละ"

พอตำรวจได้ยินว่ามีศพอยู่ที่กระโปรงรถ
ก็เลยรีบเรียกกำลังมาสบทบรวมทั้งผู้หมวดเจ้านายเขาด้วย
เมื่อผู้หมวดมาถึงก็ขอดูใบขับขี่ ซึ่งชายขี้เมาก็หยิบใบขับขี่ให้
เมื่อผู้หมวดถามว่าเขามีปืนอยู่ในกล่องจริง หรือไม่
เขาตอบว่าไม่จริงพร้อมกับเปิดกล่องให้ดู
ก็ไม่พบปืน เมื่อผู้หมวดถามว่ามีศพอยู่ในกระโปรงรถจริงหรือ เขาบอกว่าไม่มี
พร้อมกับเปิดกระโปรงรถให้ดู ก็ปรากฎว่าไม่มีศพ
ผู้หมวดเลยกล่าวว่า "ทางเราได้รับแจ้งมาว่าคุณพกปืน
และฆ่าคนตายโดยซ่อนศพไว้ที่กระโปรงรถ ตกลงมันเป็นยังไง"
คนขับตอบทันทีว่า " จะยังไงล่ะครับ ผู้หมวดก็โดนลูกน้องหลอกน่ะสิ
นี่ไอ้ลูกน้องสารเลวของผู้หมวดคงจะหลอกผู้หมวดว่าผมขับรถเร็วด้วยล่ะสิ"

Wednesday, August 24, 2011

กำลังใครแรงกว่า


บุญเด็ด อดีตนายธนาคารใหญ่หลังเกษียณอายุแล้ววันๆ จะใช้เวลาไปงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อฆ่าเวลา
วันหนึ่ง เขาขับรถเมอร์ซิเดส เบนซ์ 500 CDI ป้ายแดงซึ่งเขาเพิ่งถอยออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เพื่อไปดูงานแสดงนาฬิกา อัญมณีและเครื่องประดับ แต่เนื่องจากรถที่มางานมีจำนวนมากทำให้เขาหาที่จอดรถไม่ได้

แม้จะต้องขับวนอยู่หลายรอบแล้วก็ตาม จนกระทั่งเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรังเดินไปที่รถของเธอ 

เขาขับรถเข้าไปรอโดยเปิดไฟกะพริบค้างไว้อย่างใจเย็น ครู่ใหญ่ๆหลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ขับรถออกไป 

ไม่ทันที่บุญเด็ดจะขับรถเมอร์ซีเดสเข้าจอดแทนปรากฏว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถโตโยต้าแคมรีป้ายแดงเข้าไปเสียบเสียก่อน 

บุญเด็ดตะลึงไปชั่วครู่แล้วเขาก็โกรธจนตัวสั่น เขาลงจากรถแล้วเดินตรงไปหาชายหนุ่มทันที

บุญเด็ด : คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร ? คุณไม่เห็นหรือว่าผมเปิดไฟกะพริบค้างไว้เพื่อแสดงว่าผมกำลังรอจอดรถในช่องนี้อยู่

ชายหนุ่ม : ผมไม่สน คนหนุ่มอย่างผมมีกำลังและว่องไวมากกว่าก็ต้องได้เป็นธรรมดา

หลังจากชายหนุ่มพูดเสร็จเขาก็ลงจากรถ ล็อกประตูอย่างไม่แยแสแล้วรีบเดินเข้างานแสดงสินค้า 

แต่เมื่อเขาคล้อยไปได้เพียงประมาณ 20 เมตรเท่านั้น เขาก็ได้ยินเสียง โครม ! ดังสนั่นหวั่นไหว 

เขาหันมองตามเสียงนั้นไป แล้วเขาต้องสะดุ้งตกใจ 

เพราะภาพที่เขาเห็นเป็นรถเมอร์ซีเดสป้ายแดงคันหนึ่งชนเข้ากับรถโตโยต้าแคมรีของเขา 

สภาพรถพังยับเยินทั้งคู่ เขาจึงหันหลังกลับแล้วรีบไปที่รถของเขาทันที 

ภาพที่เขามองเห็นคือบุญเด็ดยืนยิ้มอยู่ตรงที่เกิดเหตุ เขาตรงรี่เข้าไปหา

ชายหนุ่ม : คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร ? รถผมพังเสียหายหมดแล้ว

บุญเด็ด : ผมไม่สน คนแก่อย่างผมมีกำลังเงินมากกว่าก็ต้องเลือกทำอย่างนี้เป็นธรรมดา

Tuesday, August 23, 2011

เรื่องธรรมดา

มีเด็กหญิงคนหนึ่ง มาทำงานที่โรงงานทำแปลงถูพืนกับแม่ตั้งแต่เด็ก โดยแม่ของเด็กคนนั้นไม่ได้ส่งให้เล่าเรียนศึกษาเลย ได้แต่ให้ทำงานในโรงงานแปลงถูพื้น และในโรงงานนั้นก็มีลูกของเฒ่าแกเจ้าของโรงงานเป็นเด็กผู้ชายรุ้นเดียวกับ เด็กผู้หญิงเป็นเพื่อนเล่นกัน
เหตุการณ์ผ่านเลยไปเด็กหญิงโตเป็นสาว เด็กชายก็เป็นหนุ่มและได้เป็นเจ้าของโรงงานแทนเฒ่าแก่
ด้วย ความไม่ปะสีปะสาของสาวน้อยที่มิได้เรียนมา วันหนึ่งเกิดปวดท้อง ก็ไปที่ห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เมื่อเสร็จกิจแล้วกำลังล้างของตัวเองก็บังเอิญพบสิ่งผิดปกติของตัวเอง เดิมทีเมื่อก่อนไม่มีเดี๋ยวนี้ทำมัยถึงมีได้ จะต้องเป็นเหตุมาจากการทำงานที่โรงงานทำแปลงแน่นอนเพราะมีขนแปลงมาติดแล้ว ดึงไม่ออกแบบนี้ขอลาออกดีกว่า
ด้วยความที่ทนไม่ได้จึงเข้าไปพบลูกเจ้า ของโรงงานเพื่อลาออกก็บอกเหตูผลที่ลาออกให้ลูกผู้จัดการฟังว่ามีขนแปลงมาติด ที่ที่เฉพาะดึงไม่ออก
ลูกผู้จัดการได้ฟังดังนั้นก็บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาผมอยู่มาก่อนรู้ดีผมมีมากกว่าคุณอีก......ผมมีทั้งขนทั้งด้ามด้วย.....

Saturday, August 20, 2011

เสียงของอะไรอะ

มีชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถคันงามราคาหลายล้านท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งรถเกิดเสียกระทันหัน ทันใดนั้นเองฝนก็เริ่มตก เกิดพายุอย่างรุนแรง
เขาจึงตัดสินใจออกจากรถเพื่อหาคนมาช่วย และแล้วเขาก็ไปเห็นวัดๆหนึ่งตั้งอยู่กลางภูเขา
ถ้าเป็นใครเห็นแบบนี้ก็คงจะไปโบกรถขอความช่วยเหลือ
แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับพยายามปีนขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้
ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

จึงทำให้เขาขึ้นมาถึงวัด เขาก็ได้พบกับท่านเจ้าอาวาสแห่งวัดนี้
แล้วขออนุญาตพักแรมที่วัดนี้ 1 คืน
ท่านเจ้าอาวาสก็สั่งให้เณรไปจัดห้องให้ชายหนุ่มได้พัก เมื่อชายหนุ่มหลับไป
ก็เกิดเสียงประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นตอนตี 3 กึก กึก กึกโครม
ชายหนุ่มเกิดสะดุ้งตื่นขึ้นมาและได้ยินเสียงนี้เป็นเวลา 10 นาที
เมื่อเสียงนี้เงียบไปแล้วจึงลุกออกจากเตียงและรีบวิ่งไปหาเจ้าอาวาส

ชายหนุ่ม: หลวงพ่อได้ยินเสียงเมื่อตะกี้ไหมครับ มันดังและน่ากลัวมากเลยครับ เจ้าอาวาส: อาตมาได้ยินแล้วโยม  

ชายหนุ่ม: มันเป็นเสียงของอะไรครับ  
เจ้าอาวาส: อาตมาบอกโยมไม่ได้หรอก เพราะโยมไม่ใช่พระ

ชายหนุ่มเมื่อได้ยินหลวงพ่อบอกอย่างนี้จึงไม่ถามต่อ แล้วเก็บมาคิดว่าเป็นเสียงของอะไรกันแน่
จนกระทั่งผ่านพ้นคืนนั้นไป ชายหนุ่มก็โทรไปแจ้งประกันและยกรถกลับไปที่กรุงเทพฯ
2 ปีต่อมา ชายหนุ่มคนนี้ก็ขับรถแล้วประสบอุบัติเหตุแบบเดิมอีก
เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าเขาเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

ฝนก็ตกลงมาหนักกว่าคราวก่อน ฟ้าก็ร้อง ครืน ครืน พายุก็ซัดกระหน่ำ
เขาจึงตัดสินใจไปหลบพายุนี้ที่วัดนั้นอีก และได้เจอเจ้าอาวาส
ช่างเป็นเป็นบุญวาสนาเหลือเกิน
ที่ทำให้อาตมากับโยมมาพบกันอีก
ส่วนชายหนุ่มก็ได้แต่คิดว่า
เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยรึไงวะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ได้
และแล้วชายหนุ่มก็ได้พักในห้องเดิมที่เคยพักมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เอง
ชายหนุ่มรู้สึกฉงนใจเป็นอย่างมาก จนเผลอหลับไป ทันใดนั้นเองตอนตี 3
ก็เกิดเสียงนั้นขึ้นมาอีก กึก กึก กึกโครม
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นรีบลุกขึ้นแล้วออกไปหาต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงนี้

วิ่งไปจนรอบกุฏิแล้วก็ยังหาไม่เจอ จนเสียงนี้เงียบไป เขาจึงเข้าไปถามเจ้าอาวาส
ชายหนุ่ม: นี่มันเสียงอะไรกันแน่ครับหลวงพ่อ

เจ้าอาวาส: อาตมาไม่สามารถบอกโยมได้หรอกว่ามันเป็นเสียงอะไร

ชายหนุ่ม: ทำไมล่ะครับหลวงพ่อ

เจ้าอาวาส: นั้นก็เพราะโยมไม่ใช่พระ

ชายหนุ่ม: แล้ววิธีไหนบ้างที่ทำให้ผมได้เป็นพระล่ะครับหลวงพ่อ

เจ้าอาวาส: โยมต้องออกบวชและจำวัดในวัดแห่งนี้ โยมจะออกบวชอย่างงั้นหรือ?

ชายหนุ่มเก็บข้อสงสัยนี้มานานแล้วจึงตัดสินใจออกบวชเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นเสียงของอะไร

แต่ในทางกลับกันชายหนุ่มเกิดซึ้งในรสพระธรรมจนลืมข้อสงสัยที่ตั้งไว้

และอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา เวลาผ่านไป 40 ปี
ขณะที่พระ(ชายหนุ่ม)กำลังจำวัดอยู่นั้น ตอนตี3 ก็เกิดเสียงนั้นอีก
กึก กึก กึก..โครมพระ(ชายหนุ่ม)เกิดมีสติจำความได้ว่าต้องการรู้คำตอบของเสียงนี้

พระรูปนี้จึงตรงไปหาเจ้าอาวาส ที่บัดนี้ได้ชราภาพแล้ว พระหนุ่มจึงถามเจ้าอาวาส

พระหนุ่ม: ในตอนนี้ผมได้เป็นพระสงฆ์หรือพุทธสาวกประจำพุทธศาสนาของเราแล้ว

ผมเองก็สงสัยมาตลอดจึง
ขอให้ท่านได้โปรดบอกผมทีว่านี่เป็นเสียงอะไร

และท่านเจ้าอาวาสก็พาพระองค์นี้ไปดูว่าเป็นเสียงอะไร
และในที่สุดหลังจากพระหนุ่มได้แสวงหาคำตอบนี้มานาน
ก็รู้แล้วว่าเป็นเสียงของอะไร อยากรู้มั้ยล่ะว่าเป็นเสียงของอะไร 

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
..








แต่เสียดายนะผมเองก็คงจะบอกคุณไม่ได้หรอกนะ
เพราะคุณไม่ใช่พระ 

Friday, August 19, 2011

เรือประมง


บุญธำรงเป็นต้นหนของเรือประมงลำหนึ่งที่เดินทางไปจับปลาในกลางท ะเลลึก บังเอิญเรือถูกพายุไต้ฝุ่นจน
อับปาง เขาเกาะกระดานได้แผ่นหนึ่งจึงพอพะยุงตัวและว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ปรากฏว่าที่นั่นเป็นเกาะร้างไร้ผู้
คนอยู่อาศัย แต่โชคดีที่เกาะนี้อุดมด้วยผลหมากรากไม้และมีแหล่งน้ำจืดอย่างพ อเพียง เขาสามารถดำรง
ชีพอยู่ได้โดยไม่อัตคัดเท่าไรนัก ห้าปีผ่านไป จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเห็นคนๆหนึ่งพายเรือมาที่หาดเขาจึง
วิ่งไปดู ผู้ที่มากับเรือลำนั้นเป็นหญิงสาวหน้าตาค่อนข้างดีรูปร่างเพรีย วสมส่วนดูทะมัดทะแมงและเซ็กซี่

หญิงสาว : สวัสดีค่ะ คุณคือ... คุณบุญธำรงใช่ไหมคะ ?
บุญธำรง : ใช่ คุณรู้จักผมด้วยหรือ ?

หญิงสาว : ค่ะ ฉันเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เราได้รับแจ้งเหตุว่ามีเรือประมงอับปางแล้วคุณได้หายไป พวก
เราค้นหาคุณมานานมากแล้ว เออ...ว่าแต่ว่า...คุณไม่ได้สูบบุหรี่มานานเท่าไรแล้วคะ ? เอ้า นี่กรองทิพย์
ฉันเอามาฝาก สูบซะให้หายอยาก

บุญธำรง : ขอบคุณมาก ผมไม่ได้สูบบุหรี่มา 5 ปีแล้ว แต่....อืม์ คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมสูบกรองทิพย์ ?

หญิงสาว : อ๋อ เราดูจากแฟ้มประวัติของคุณค่ะ เราหน่วยกู้ภัยยินดีบริการอย่างประทับใจ แล้วนี่คุณดื่ม
เหล้าครั้งสุดท้ายมานานเท่าไรแล้วคะ ? ฉันมีแม่โขงเหล้าที่คุณชอบมาฝากคุณด้วย เอ้าดื่มซะ อย่าดื่มที
เดียวหมดนะคะ แบ่งให้ฉันดื่มเป็นเพื่อนบ้างก็ได้

บุญธำรง : ยินดีครับ เรามาดื่มด้วยกัน ผมต้องขอบคุณมากเลยเพราะ 5 ปีมานี่ผมเพิ่งจะได้ดื่มเหล้าวันนี้

หญิงสาว : ยินดีอย่างยิ่งค่ะ มันเป็นบริการของเราที่ต้องการทำให้คุณประทับใจ เออ...ขอถามอีกเรื่องอย่า
หาว่าละลาบละล้วงนะคะ คือว่า....คุณ..คุณ อืม์..คุณเล่น..เล่น...อืม์ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่คะ ?

บุญธำรง : เฮ้ย ! อย่าบอกนะครับว่า คุณหอบถุงกอล์ฟมาที่เกาะแห่งนี้ให้ผมด้วย

Wednesday, August 10, 2011

เศรษฐีขี้งก

มีมหาเศรษฐีอยู่คนหนึ่ง มีเงินมากมาย แต่งกมาก อยู่มาวันหนึ่งนึกเซ็งๆ ไม่รู้จะทำอะไรให้มันสนุก ก็หาเกมส์มาให้เล่นกันว่า ถ้าใครสามารถทำให้ม้าหัวเราะได้ เราจะให้เงิน 1000 ตำลึง หากม้าไม่หัวเราะจะต้องเสียทอง 20 ตำลึงให้แก่เศรษฐี ก็มีผู้คนมาสมัครมากมาย แต่ก็ต้องเสียเงิน 20 ตำลึงให้แก่เศรษฐี ทำให้เศรษฐีร่ำรวยขึ้นอีก

อยู่มาวันหนึ่ง มีเงาะป่ามารับคำท้าเศรษฐี เงาะป่าเพียงแต่ไปกระซิบที่ข้างหูม้า ม้าก็หัวเราะร้อง ฮี้ ๆๆๆ ผู้คนที่มาดูต่างตบมือในความสามารถ และก็สงสัยว่าม้าทำไมจึงหัวเราะ ฝ่ายเศรษฐีก็เหงื่อตกที่ต้องสูญเสียเงิน 1000 ตำลึงให้แก่เจ้าเงาะป่าไป จึงออกอุบายไปว่า "เจ้าเงาะป่า ถ้าเจ้าสามารถทำให้ม้าร้องให้ได้ ข้าจะให้เงินเจ้าอีก 1000 ตำลึง หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องคืนเงิน 1000 ตำลึงให้แก่ข้า" เงาะป่าก็รับคำท้า แค่เดินไปใกล้ๆ ม้า สักครู่เดียว ม้าตัวนั้นก็ร้องไห้ออกมา

เศรษฐีเห็นดังนั้นก็แทบเป็นลม จำเป็นต้องจ่ายเงินอีก 1000 ตำลึงให้แก่เจ้าเงาะป่า แล้วถามว่าเจ้าทำยังไง จึงสามารถทำให้ม้าหัวเราะและร้องไห้ได้ เงาะป่ารู้ว่าเศรษฐีเป็นคนงก ก็อยากจะดัดนิสัย ก็บอกว่าถ้าจะให้เฉลยต้องจ่ายมาอีก 100 ตำลึง ไม่งั้นไม่เฉลย เศรษฐีก็ยอมจ่าย เงาะป่าก็บอกว่า ทำให้ม้าหัวเราะ ก็แค่บอกว่า "ของข้าใหญ่กว่าของเจ้" ม้าได้ฟังก็หัวเราะ เพราะนึกว่าของมันเองใหญ่กว่าใครอยู่แล้ว เศรษฐีก็ถามว่า แล้วม้าร้องไห้ล่ะ เงาะป่าก็ตอบว่า "ข้าก็เปิดให้เจ้าม้านั่นดูเท่านั้นเอง"

Wednesday, August 3, 2011

กินแล้วฉลาด

มีแม่ค้าขายปลาคนหนึ่งร้องเรียกให้คนมาซื้อปลา "เร่เข้ามา..จ้า..ปลาร้านนี้กินแล้วฉลาดจริงๆ จ้า..3ตัว100จ้า.."

ผู้หญิงคนหนึ่งจึงถามแม่ค้าว่า "กินแล้วฉลาดจริงหรอ" ลองซื้อไปลองกินดูก่อนก็ได้นะจ๊ะ แม่ค้าตอบ
ผู้หญิงคนนั้นจึงซื้อปลาไป2ตัว วันรุ่งขึ้นก็กลับมาซื้อเหมือนอย่างเคยผ่าน

ไปวันที่5 ผู้หญิงคนนั้นเองก็จะมาซื้อปลาร้านเดิม
ขณะที่เดินอยู่จึงได้ยินแม่ค้าปลาอีกร้านหนึ่งร้องเรียกลูกค้าว่า "ปลาจ่ะปลาตัวละ10บาทจ้า..."

ผู้หญิงคนนั้นจึงสงสัยว่าปลาเหมือนกันทุกอย่างแต่ทำไมแค่ตัวละ10บาท จึงกลับไปถามแม่ค้าเจ้าประจำที่ซื้อว่า

"ไหนว่าปลาร้านนี้กินแล้วฉลาดยังไม่เห็นว่าจะฉลาดเลย ร้านที่เดินผ่านมาขายถูกกว่าตั้งเยอะ"

แม่ค้าจึงตอบว่า "นั่นแหละค่ะคุณเริ่มจะฉลาดขึ้นมาแล้ว"