คนเรามีโอกาสหลับในระหว่างการขับรถยนต์ได้ทุกคน
หลายท่านคงเคยมีประสบการณ์ตรงนี้มาแล้ว และอีกหลายท่านต้องเคยรู้สึกง่วงนอนในขณะขับรถ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รถติดหรือวิ่งทางไกลมากๆ วิธีป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ดีที่สุดคือเมื่อไรที่รู้สึกว่าง่วงนอนให้เลิกขับรถแล้วหาสถานที่ปลอดภัยตามปั้มน้ำมัน
จุดตรวจรถหรือจุดพักรถที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลหรือค่อนข้างมั่นใจว่าปลอดภัย ลงไปล้างหน้าล้างตา
ยืดเส้นยืดสายหรืองีบหลับสัก 10-15 นาที แล้วค่อยขับรถไปต่อน่าจะปลอดภัยที่สุดผลจากการสำรวจคนขับรถในนิวยอร์ก
สหรัฐอเมริกา พบว่า 1 ใน 4 ของคนขับรถทั้งหมดเคยหลับในมาก่อน
ซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมากๆ เว็บไซต์สถาบันหัวใจ-ปอด-เลือดของสหรัฐอเมริกา(NHLBI) มีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีป้องกันการขับรถหลับในไว้
ดังนี้นอนเต็มอิ่มเพียงคืนเดียว = ไม่พอ
การศึกษาเปรียบเทียบระยะเวลาตอบสนองต่อสิ่งเร้า (response time / RT) ซึ่งมีความสำคัญในเหตุคับขัน เช่น เบรกเมื่อจะชนหรือจะตกถนน ถ้าเปรียบเทียบกับระยะเวลานอนของคนขับรถพบว่า
การนอนในปริมาณที่มากพอ 7-8 ชั่วโมงใน 1 คืนก่อนเดินทาง ยังทำให้ระยะเวลาตอบสนองต่อสิ่งเร้าลดลงได้ไม่ดีพอ จำเป็นต้องนอนให้มากพออย่างน้อย2
คืนขึ้นไป
กลไกที่เกิดขึ้น
คือ เวลาเราอดนอน.สมองจะทำงานช้าลง มีอาการวูบหลับช่วงสั้นๆ
และตามมาด้วยการหลับใน
การที่สมองจะมีประสิทธิภาพที่ดีอย่างเต็มที่ได้ สมองต้องการชั่วโมงการนอนชดใช้ชั่วโมงการนอนที่สูญเสียไปเป็นระยะเวลาหลายวัน
เพราะฉะนั้น ทางที่ดีคือ ถ้าไม่ได้นอนเต็มที่ติดกันอย่างน้อย 2 วันจึงไม่ควรขับรถ
หรือถ้าขับรถก็อย่าขับรถทางไกลทานอาหารแต่พอดี
มื้อเช้ามีความสำคัญต่อสมรรถภาพการทำงานของสมองมากที่สุด
การอดอาหารจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ มีโอกาสหน้ามืดหรือเป็นลมได้ง่าย ส่วนมื้อเที่ยงหรือตอนบ่ายควรทานอาหารในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปหากต้องขับรถ
เพราะจะทำให้ง่วงได้ง่ายขึ้นดูแลร่างกายอย่าให้ขาดน้ำคนจำนวนมาก มีอาการ ขาดน้ำ เรื้อรัง
ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ทำให้เพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอด เลือดสมองตีบตัน เนื่องจากสัดส่วนน้ำในเลือดลดลง
เลือดจะเหนียวข้นขึ้นและจับตัวเป็นลิ่มเลือดได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจ ทำ ให้มีอาการปวดหัวไม่ทราบสาเหตุ
คลื่นไส้ ปากแห้ง คอแห้ง อ่อนเพลีย สมาธิสั้น ทำให้เหนื่อยล้าได้ง่าย และเมื่อประกอบกับการนั่งขับรถนานๆ
จะยิ่งเพิ่มโอกาสการ เ กิดโรคหล ด
เลือดดำอุดตันโดยเฉพาะที่น่องวิธีป้องกันที่ดีคือพยายามดื่มน้ำให้เพียงพอไว้ตลอด
ท่านสามารถ สังเกตว่าตัวเองอยู่ในภาวะขาดน้ำได้จากการไม่ถ่ายปัสสาวะ ครั้งหนึ่งเกิ
น
2 ชั่วโมงขึ้นไป และการรอให้ร่างกายกระหายน้ำก่อนแล้วค่อย ดื่มน้ำถือว่าสายเกินไปหลีกเลี่ยงช่วงเวลาอันตรายคือ
24.00-07.00 น.
เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คนมักจะหลับในบ่อยที่สุด
อย่าขับรถคนเดียวการมีคนนั่งบนรถหลายคนมีส่วนช่วยให้โอกาสหลับน้อยลงเพราะการพูดคุยกับคนอื่นจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานเพิ่มขึ้น
แต่ถ้าหากเลือกคนโดยสารที่ตื่นนอนและคุยกับท่านตลอดการเดินทางไม่ได้ ท่านควรหาอะไรทำไปด้วย
เช่น สวดมนต์ร้องเพลง เป็นต้น แต่อย่าดูโทรทัศน์ หรือใช้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์อีกข้างจับพวงมาลัย
เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุง่ายขึ้น .และถ้าฟังเพลงไม่ควรฟังเพลงประเภทกล่อมนอนเพราะอาจทำให้ง่วงนอนมากขึ้น
นอกจากนี้ท่านั่งในการขับรถก็มีผลต่อการขับรถด้วยเช่นกัน
ท่านั่งที่ไม่ดีจะเพิ่มโอกาสเมื่อยล้า ปวดหลังและอาจทำให้ง่วงได้พักรถพักคนบ่อยๆ การพักรถ พักคนทุกๆ 2 ชั่วโมง สามารถทำให้ความเหนื่อยล้าลดลง
ร่างกายจะสดชื่นและเพิ่มสมรรถภาพในการขับรถได้ยาวนานขึ้น ขณะที่พักรถผู้ขับรถควรเดินไปเดินมา
เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่ม ล้างมือด้วยสบู่ เพื่อลดโอกาสติดไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด
และหวัด ก่อนแล้วล้างหน้าล้างตา หรือถ้าเป็นไปได้ควรหาจุดพักนอน
15-20 นาทีทันทีที่ง่วงซึ่งต้องวางแผนล่วงหน้า เพื่อหาสถานที่ที่ปลอดภัยพอที่จะพักผ่อนนอนหลับได้กาแฟ
-คาเฟอีนก่อนเดินทางอย่างน้อย 2-3 วัน ควรงดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน
ซึ่งมีในน้ำชา โกโก้ ช็อกโกแลต น้ำดื่มชนิดน้ำดำ เครื่องดื่มประเภทกระตุ้นร่างกาย ก่อนนอน
8 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้นอนหลับสนิทในช่วงระหว่างขับรถ คาเฟอีนอาจช่วยให้หายง่วงได้ถ้านอนมากพอก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 วัน ขนาดของคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัวได้จะอยู่ในช่วง
100-200 มิลลิกรัม (กาแฟ ขนาด 1-2 กระป๋องหรือถ้วยเล็ก)
โดยจะออกฤทธิ์หลังดื่มประมาณ 30 นาทีขึ้นไป แต่ถ้านอนไม่พอหรือง่วง.การนอนพัก
15-20 นาทีจะดีกว่าดื่มกาแฟแล้วขับต่อไปเรื่อยๆอย่าดื่มแอลกอฮอล์ หรือทานยาแก้แพ้
ยาคลายเครียด เพิ่มเสี่ยงหลับในในกรณีที่ดื่มเหล้าถ้าเกิดอุบัติเหตุ.